C143UR Urea Crystal : ยูเรีย สารให้ความชุ่มชื้นผิวล้ำลึก
CAS Number : | 57-13-6 |
INCI name : | Urea |
รายละเอียดทั่วไป
ยูเรีย (Urea) เป็นองค์ประกอบหลักที่มีการใช้งานในรูปแบบของการสังเคราะห์ในเครื่องสำอาง และเมื่อใช้ในปริมาณเพียงเล็กน้อยยูเรียมีประโยชน์ในการจับกับน้ำและมีคุณสมบัติขัดผิวอย่างอ่อนโยนสำหรับผิว
บอบบางแพ้ง่าย แต่ถ้าใช้ยูเรียในปริมาณความเข้มข้นที่มากขึ้นจะช่วยในการกำจัดเนื้อเยื่อที่ตายในแผล เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ยูเรียเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นสารลอกผิวหนัง (keratolytic) ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่
ผิวหนัง โดยการทำให้สารที่ตายแล้ว หรือเคราติน (keratin) ซึ่งทำให้เซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดเกาะรวมตัวกันนั้นนุ่มขึ้น และละลายไปส่งผลช่วยให้เซลล์ที่ตายแล้วหลุดออก และทำให้ผิวหนังกักเก็บน้ำได้มากขึ้น จึงเป็น
ที่นิยมนำมาใช้ลงในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง นอกจากนี้ยูเรียยังสามารถเพิ่มการดูดซึมของส่วนผสมอื่นๆ ในเครื่องสำอางได้อีกด้วย
ยูเรียสกัดจากโปรตีน ความบริสุทธิ์สูงพิเศษ ให้ความชุ่มชื้นผิวได้เป็นอย่างดี ช่วยทดแทนยูเรียที่อยู่ใต้ผิว ซึ่งมีหน้าที่ให้สมดุลความชุ่มชื้นใต้ผิว เหมาะกับผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำแห้งมากๆ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ช่วยผลัด
เซลล์ผิว (keratolytic) หากในใช้ปริมาณมากกว่า 5%
ยูเรียนิยมนำมาประยุกต์ใช้ในสูตรผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่นครีม เซรั่ม โลชั่น และผลิตภัณฑ์ที่ต้องการดูแลผิวให้ความชุ่มชื้นผิวเป็นพิเศษ ยูเรียช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม ไม่แห้งแตก ลดเลือนริ้วรอย และยังช่วยให้
ผิวหนังกระชับขึ้น ช่วยให้ผิวหน้าแลดูอ่อนเยาว์ ตึงกระชับ ดูเนียนเรียบขึ้น ริ้วรอยลดลง และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นได้ นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ทุกรูปแบบเพื่อช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นผิว
การนำไปใช้
แนะนำเพื่อประสิทธิภาพของสูตรตำรับดียิ่งขึ้น
1.ให้ใช้ยูเรียร่วมกับ Sodium PCA และ Sodium Lactate เพื่อประสิทธิภาพในการให้ความชุ่มชื้นสูงสุด เนื่องจากสารทั้ง 3 ชนิด ถือเป็นส่วนสำคัญใน Natural Moisturizing Factor (NMF) ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติภายใต้ผิวที่สมบูรณ์
2.เนื่องจากเป็นสารกักเก็บความชื้น ผงมีลักษณะดึงดูดความชื้นสูงมาก ต้องเก็บในที่แห้งปิดฝาให้สนิทเสมอ
แนะนำในการใช้ Urea ในสูตร
1. เนื่องจาก Urea มีลักษณะการแตกตัวในระยะยาว และแตกตัวได้เร็วมากขึ้นในสภาพอุณหภูมิที่ร้อนเกิน 35องศา โดยเมื่อแตกตัว จะทำให้ pH ของสูตร มีความเป็นด่างมากขึ้น (pH สูงขึ้น ตามระยะเวลา) ซึ่งหาก
ไม่มีการควบคุม หรือการ stabilize อาจทำให้ pH สูงถึงระดับ 11 ได้ เมื่อทิ้งไว้ในที่ร้อน ระยะเวลามากกว่า 3เดือน การ stabilize Urea จึงมีความจำเป็น สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการให้มี shelf-life อายุนานกว่า
มาก3เดือน และไม่สามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 30องศาได้
2. เทคนิคการ Stabilize Urea ให้ใช้ Gluconolactone ในปริมาณประมาณ 15% ของ Urea เช่นหากใช้ Urea ที่ 10% ในสูตร ควรใช้ Gluconolactone ที่ 1.5% เพื่อช่วยควบคุม pH ของสูตร โดยให้ปรับค่า pH
ให้เหมาะสมให้อยู่ในช่วง 4-5.5 (หากมีกรดชนิดอื่นๆในสูตร ที่ช่วยปรับค่า pH ให้เหมาะสมแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ Gluconolactone เพิ่มอีก)
3.Urea จะทำให้สูตรมีกลิ่น โดยสามารถลดกลิ่น และ Stabilize ด้วยการใช้ Triacetin มาช่วย stabilize Urea ในสูตร โดยให้ใช้ในอัตราประมาณ 1 (Triacetin) :10 (Urea) โดย Triacetin จะช่วยควบคุมค่า pH ให้
ไม่สูงขึ้น ทำให้ Urea มีความเสถียรยาวนานขึ้น
การใช้: สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ให้ความชุ่มชื้นผิวที่แห้งกร้าน
วิธีการผสม: ผสมในน้ำ (water-phase) สามารถทนความร้อน 60องศาได้ระยะสั้น ต้อง Stabilize ด้วย Gluconolactone กรุณาดูรายละเอียดด้านบน
อัตราการใช้:
3-20% สำหรับให้ความชุ่มชื้น (ใช้ตามประสิทธิภาพที่ต้องการ หากผิวแห้งมากสามารถใช้ 5%)
1-5% สำหรับผลัดเซลล์ผิวและเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว (ยื่นจดแจ้งเป็นสูตรตำรับเครื่องสำอาง)
10-20% สำหรับผลัดเซลล์ผิวและให้ความชุ่มชื้น (ยื่นจดแจ้งเป็นสูตรตำรับยา)